การจัดตั้งรัฐบาล ของ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535

ในชั้นแรกพรรคสามัคคีธรรม ประสบความสำเร็จ ในการหนุน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ส.ส.พรรคสามัคคีธรรม ขึ้นเป็น ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญเพราะมีสถานะเป็น ประธานรัฐสภาโดยตำแหน่ง ซึ่งก็คือเป็นผู้นำรายชื่อนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ และเป็นผู้ลงนาม รับสนองพระบรมราชโองการฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี นั่นเอง

ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ มีสื่อมวลชนไปสัมภาษณ์ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผู้บัญชาการทหารบก รองหัวหน้าคณะ รสช. หลายครั้งว่าจะเป็น นายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.สุจินดา ได้ตอบปฏิเสธอย่างชัดเจนว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี[3] ซึ่งทำให้นายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดมีโอกาสที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแต่ปรากฏข่าวว่าสหรัฐอเมริกาเคยปฏิเสธที่จะออกวีซ่า ให้กับนายณรงค์ เนื่องจากสงสัยมีการพัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติด[4]ซึ่งกรณีดังกล่าว นายณรงค์ วงศ์วรรณ ได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง และว่าข่าวนี้เป็นการจงใจสร้างเรื่องขึ้นเพื่อกีดกันไม่ให้ตนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี[5]

พรรคสามัคคีธรรมได้ที่นั่งมากที่สุด คือ 79 ที่นั่ง จากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 360 ที่นั่ง ทำให้ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยได้รับการสนับสนุนจากอีก 4 พรรค รวมเป็น 5 พรรคร่วมรัฐบาล คือ พรรคสามัคคีธรรม (ส.ส. 79 คน) พรรคชาติไทย (ส.ส. 74 คน) พรรคกิจสังคม (ส.ส. 31 คน) พรรคประชากรไทย (ส.ส. 7 คน) และพรรคราษฎร (ส.ส. 4 คน) รวมเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 195 คน

ขณะที่พรรคฝ่ายค้านประกอบด้วย 6 พรรค คือ พรรคความหวังใหม่ (ส.ส. 72 คน) พรรคประชาธิปัตย์ (ส.ส. 44 คน) พรรคพลังธรรม (ส.ส. 41 คน) พรรคเอกภาพ (ส.ส. 6 คน) พรรคปวงชนชาวไทย (ส.ส. 1 คน) และพรรคมวลชน (ส.ส. 1 คน) รวม 165 คน

ต่อมามีการยืนยันจากนางมาร์กาเร็ต แท็ตไวเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นผู้หนึ่งที่ “ต้องห้าม” ไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา เพราะมีความใกล้ชิดกับนักค้ายาเสพติด[6] ทำให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้เลือกเสนอชื่อ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นทูลเกล้าฯ และมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 ท่ามกลางกระแสเรียกร้อง "นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง" ที่เป็นกระแสหลักของสังคมในขณะนั้น ต่อเนื่องมาจากยุคของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 ถูกขนานนามจากสื่อมวลชนยุคนั้นว่า พรรคมาร

เมื่อขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว พล.อ.สุจินดา ก็ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุดโดยมี พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารบกซึ่งเป็นพี่ภรรยาของพลเอกสุจินดาได้เข้าดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศได้เข้าดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดอีกตำแหน่งหนึ่ง

หลังการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.สุจินดา เกิดกระแสต่อต้านจากสังคมมากมาย ถึงขั้นมีประชาชนชุมนุมประท้วงจำนวนมาก และในที่สุดนำไปสู่ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งทำให้ในปีนี้ต้องจัดเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งคือ การเลือกตั้ง 13 กันยายน พ.ศ. 2535 (35/2)

ใกล้เคียง

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2549 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535